วิเคราะห์คอลเลกชัน Jaeger-LeCoultre Amvox แต่ละรุ่นน่าสนใจอย่างไร

21 December 2023

หลังจากปี 2016 ที่ Richard Mille ได้เข้ามารับตำแหน่งพันธมิตรร่วมกับแบรนด์ยานยนต์ระดับโลกอย่าง Aston Martin แทนที่ Jaeger-LeCoultre ซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบเป็นเวลายาวนานกว่า 12 ปี การผลิตนาฬิกาในคอลเลกชัน Amvox จึงต้องหยุดลง พร้อมกับการควานหาเจ้านาฬิกาหรูเรือนนี้มาเก็บไว้ในคลังของเหล่านักสะสม รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์อีกแบบสำหรับเรือนเวลาที่ได้ discontinued ไปแล้ว

ย้อนกลับไปในปี 2003 การจะควบคุม Aston Martin Vantage 12 สูบ อันทรงพลังบนสนามแข่งให้อยู่หมัดได้ ต้องอาศัยความชำนาญ ความรู้และความแม่นยำอย่างแท้จริง ด้วยเหตุผลที่จะทำให้การขับขี่สมบูรณ์แบบมากขึ้น จึงเป็นการจุดประการไอเดียบางอย่างให้ Aston Martin มองหาAll Watchesที่มีความแม่นยำ โฉบเฉี่ยว และหรูหราเข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์

Aston Martin และ Jaeger-LeCoultre ได้ประกาศการเป็นพันธมิตรในงาน Paris Motor Show ที่ปารีสเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2003 ในขณะนั้น Aston Martin กำลังจะเปิดตัวรถรุ่น Vanquish S ที่งาน Paris Motor Show และทาง Jaeger-LeCoultre เองก็เป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีตลาดหลักอยู่ในฝรั่งเศส แม้ว่าจะเป็นการร่วมมือที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่กลับกลายเป็นการพลิกโฉมประวัติศาสตร์ของวงการนาฬิกาแนวมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างดี
เครื่องยนต์จาก LeCoultre & Cie
เพราะในด้านของอุตสาหกรรมรถแข่งแล้ว ใช่ว่า Jaeger-LeCoultre จะไร้เดียงสาไม่มีประสบการณ์มาก่อนเสียทีเดียว ถ้าลงลึกไปยังประวัติศาสตร์ของแบรนด์นี้ จะพบส่วนที่น่าสนใจตรงที่ว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก่อนจะเกิดการควบรวมเป็น Jaeger-LeCoultre ในขณะนั้น LeCoultre & Cie ร่วมมือกับ Edmond Jaeger มีส่วนร่วมในการผลิตแผงหน้าปัดเครื่องยนต์ให้กับรถยนต์อันโด่งดังที่สุดในตอนนั้น 1.5-liter Aston Martin LM ซึ่งเป็นผู้ชนะการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติเป็นประจำในช่วงทศวรรษที่ 1930 อีกทั้ง LeCoultre & Cie ยังเป็นผู้ติดตั้งมาตรวัดความเร็วให้กับผู้เข้าแข่งขันภายในรายการมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
Amvox 1 Alarm

นี่คือนาฬิกาเรือนแรกภายใต้ตระกูล Amvox โดยที่ชื่อ Amvox เป็นการควบรวมระหว่างคำว่า Aston Martin และ Memovox หนึ่งในซีรีส์นาฬิกาข้อมือที่มีฟังก์ชันนาฬิกาปลุกของ Jaeger-LeCoultre แม้ว่ารุ่นต่อ ๆ มา จะดูล้ำสมัยกว่าเล็กน้อย แต่สำหรับรุ่นแรกนี้ก็แสดงให้เห็นอัตลักษณ์ที่ชัดเจนในฐานะนาฬิการุ่นออริจินัล ซึ่งดีไซน์และฟังก์ชันต่าง ๆ ล้วนมีต้นแบบมาจาก Memovox สุดคลาสสิกจากปี 1965

นาฬิกาปลุกรูปทรงโฉบเฉี่ยวเรือนนี้ ขับเคลื่อนโดย Jaeger-LeCoultre Caliber 918 โดยแบ่งออกเป็น 260 ชิ้นส่วน รวมถึงฆ้องแขวนที่สร้างประสบการณ์เสียงที่น่าจดจำเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ฝาหลังของนาฬิกาจะถูกประทับตราสัญลักษณ์ของ Aston Martin

หน้าปัดได้รับการออกแบบใหม่ทำให้มีลักษณะคล้ายกับเครื่องยนต์ สายนาฬิกาทำจากหนัง Bridge of Weir ซึ่งเป็นวัสดุแบบเดียวกับที่พบในการตกแต่งภายในของ DB9 เช่นเดียวกับ Vanquish S V12 ซึ่งเป็นรถที่มีการผลิตมาอย่างจำกัดเพียง 500 คันในเวลาสองปี
Amvox 2 Chronograph

Amvox 2 เป็นนาฬิกาโครโนกราฟอัตโนมัติที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Chronograph Concept ซึ่งคิดค้นโดยวิศวกร Francis Cretin และกลไก Caliber 751B ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ขึ้นชื่อว่าล้ำสมัยในขณะนั้น Cretin รู้สึกกระตือรือร้นกับสิ่งประดิษฐ์นี้มากจนเขาใช้เวลาเพียงห้าเดือนในการผลิตต้นแบบ ซึ่งเขาเรียกว่า “แนวทางด้านยานยนต์ในการผลิตนาฬิกา”

กลไกการทำงานเต็มรูปแบบที่ผู้สวมใส่เพียงกดขอบหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์ลงที่จุดใดจุดหนึ่ง จากนั้นโครโนกราฟก็เริ่มทำงาน กดอีกครั้งมันก็หยุด เป็นระบบที่ใช้งานง่ายมาก ทั้งยังมีแถบเลื่อนที่ด้านซ้ายของตัวเรือน ทำให้สามารถปิดกั้นโครโนกราฟทั้งหมดหรือปิดกั้นเพียงบางส่วนเท่านั้น เพื่อให้สามารถจับเวลาเป็นช่วง ๆ เพื่อป้องกันการรีเซตเข็มนาฬิกาแบบไม่ได้ตั้งใจ
การกดที่ขอบตัวเรือนจะทำให้คันโยกชุดหนึ่งเคลื่อนที่เพื่อส่งแรงกระตุ้นไปยังกลไกโครโนกราฟที่อยู่ลึกภายในกลไกเพื่อเริ่ม-หยุด (ทั้งสองตำแหน่งที่ 12 นาฬิกา) และรีเซต (ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา) ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณระบบ ball-and-joint ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในการผลิตนาฬิกาที่เชื่อมต่อคริสตัลเข้ากับชุดคันโยกภายในกลไก คันโยกแต่ละอันถูกติดตั้งบนตลับลูกปืนเม็ดกลมสแตนเลสขนาดเล็กซึ่งมีลูกบอลเจ็ดลูกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 0.1 มม. นั่นเอง

Jaeger-LeCoultre Amvox 2 Chronograph วางจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ สแตนเลสสีดำและรุ่นไทเทเนียม, รุ่นไทเทเนียม, รุ่นไทเทเนียมและแพลตตินัม โดยทั้งสามรุ่นนี้ได้ใช้ ระบบอัตโนมัติ Caliber 751B ซึ่งสามารถสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง ประดับเพชร 39 เม็ด และความถี่ 4 เฮิรตซ์ ตัวเรือนด้านหลังมีโลโก้สลักของทั้ง Jaeger-LeCoultre และ Aston Martin ด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น Amvox 2 ยังมีการผลิตรุ่น Limited มาอีกหลายรุ่น ซึ่งรุ่นที่เรายกมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันวันนี้คือ Amvox 2 Grand Chronograph รุ่นลิมิเต็ดได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักขับ Aston Martin ชาวเม็กซิกัน Adrián Fernández หน้าปัดมีอักษรย่อของ Fernández ระหว่างตำแหน่ง 7 ถึง 8 นาฬิกา ในขณะที่ตัวเรือนด้านหลังมีลายเซ็นแกะสลักของเขา
Jaeger-LeCoultre Amvox 3 Tourbillon GMT
Amvox 3 Tourbillon GMT

Amvox ก้าวกระโดดไปสู่วงการนาฬิกาชั้นสูงในปี 2550 ด้วยการเปิดตัว Tourbillon GMT ในตัวเรือนเซรามิกสไตล์สปอร์ต และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่แค่เซรามิก แต่เป็นโลหะผสมที่เห็นเซอร์โคเนียมและอิตเทรียมออกไซด์ที่ถูกใช้ความร้อนที่แรงดันสูงจนถึงอุณหภูมิมากกว่า 2,000 องศา วัสดุที่ได้จะถูกเจียรและขึ้นรูป ด้วยการกัดขั้นสุดท้ายโดยใช้เครื่องจักร CNC ห้าแกนเพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละด้านและรูปร่างสมบูรณ์แบบ การขัดเงาทำได้ด้วยเครื่องมือพิเศษที่เคลือบด้วยคริสตัลเพชรและผง ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวเรือนเซรามิกจึงเบากว่าไทเทเนียมและแข็งกว่าเหล็กกล้าถึงสองเท่า

Caliber 988 เป็นกลไก Tourbillon อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนสองโซนเวลา หน้าปัดกึ่งเปลือยทำให้ผู้สวมใส่มองเห็นการทำงานภายในกลไกของ Caliber 988 อันน่าทึ่ง รวมถึงสะพานเคลือบรูทีเนียมและแผ่นฐาน ตัวระบุ AM/PM ที่ส่วนกลางเคลือบ PVD สีดำสามารถขโมยความน่าสนใจไปจาก Tourbillon ได้อย่างเซอร์ไพรส์

Amvox 3 Tourbillon GMT ถูกวางจำหน่ายอย่างจำกัดเพียง 300 เรือนเท่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงความหรูหราที่หายากแบบเดียวกันกับที่รถยนต์ Aston Martin ทำ ซึ่งสงวนไว้ให้กับผู้มีสิทธิพิเศษเพียงไม่กี่คน
Amvox 3 ถูกสวมใส่โดย Robert Downey Jr.
คนดังที่สวมใส่ Amvox 3 ที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ Robert Downey Jr. เขาได้ใส่มันไว้บนข้อมือระหว่างการโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง Iron Man 2
Amvox “4”: the Transponder
Amvox “4”: the Transponder

Transponder ของ Amvox 2 DBS ได้รับการเรียกอย่างไม่เป็นทางการจากนักสะสมนาฬิกาหลายคนว่า “Amvox 4” เนื่องจากเป็นซีรีส์ต่อมาที่ถูกเปิดตัวต่อจาก Amvox 3 ก่อนจะถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา

โดยมีความแตกต่างจากซีรีส์รุ่นพี่ต้องฟังก์ชันจับเวลาซึ่งถูกอัปเกรดให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้สามารถเริ่ม หยุด และรีเซ็ตนาฬิกาจับเวลาแบบกลไกได้ง่ายๆ เพียงกดบนคริสตัลแซฟไฟร์ เช่นเดียวกับการล็อค/ ระบบปลดล็อคสำหรับ Aston Martin DBS V12 ที่ฝังอยู่ภายในนาฬิกากลไก การใช้ฟังก์ชันนี้ง่ายดาย ผู้สวมใส่ต้องทำเพียงแค่สัมผัสกับโซน “เปิด” และ “ปิด” บนนาฬิกา

แต่ถึงจะใช้งานง่ายขนาดไหนก็ยังมีข้อจำกัดจากอิทธิผลของสนามไฟฟ้าที่อาจส่งผลต่อความแม่นยำ ซึ่ง Aston Martin และ Jaeger-LeCoultre ไม่รอช้าที่จะแก้ปัญหา Transponder จึงได้รับการออกแบบให้วางเสาอากาศให้ห่างจากกลไกและตัวเครื่องมากที่สุด ผ่านการใช้คริสตัลแซฟไฟร์เป็นสื่อกลาง ด้านในถูกเคลือบด้วยโลหะ จนกลายมาเป็น Amvox 4 ที่สมบูรณ์แบบ
Amvox 5

“The world of Aston Martin is strong inspiration, both the corporate and the racing sides,” นี่คือคำพูดของ Lambert ผู้บริหารของ Aston Martin ในขณะนั้นได้อธิบายในการเปิดตัว Amvox 5 World Chronograph ซึ่งจัดขึ้นที่สนาม Paul Ricard ในเมือง Le Castellet ประเทศฝรั่งเศส

นาฬิกาแสดงเวลาโลกพร้อมหน้าปัดแบบเปิดที่ประดับด้วยลวดลายตารางที่ชวนให้นึกถึงกระจังหน้าหม้อน้ำที่พบในรถยนต์ Aston Martin ทั้งยังวางจำหน่ายในรุ่น Racing สองเวอร์ชันที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง Lola Aston Martin LMP1 โดยมีสีส้ม,สีดำและสีขาว พร้อมวางจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียงสีละ 100 เรือน

ความพิเศษที่ถูกอัปเกรดขึ้นมาจากสี่รุ่นก่อนหน้าคือส่วนประกอบ 279 ชิ้นของ Caliber 752 ช่วยให้ผู้สวมใส่มองเห็นทุกโซนเวลาบนโลกได้ในคราวเดียว โดยมีเมืองอ้างอิงซึ่งรวมถึงเมือง Gaydon ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน Aston Martin แทนที่จะเป็นลอนดอนเพื่อแสดงถึงเวลามาตรฐานกรีนิช เหมือนนาฬิกาแบรนด์อื่น ๆ
Jaeger-LeCoultre Amvox 7
Amvox 7

Jaeger-LeCoultre ได้ก้าวข้ามเลข 6 ไปสู่ซีรีส์ที่ 7 และพัฒนารูปลักษณ์จาก Memovox สู่ Master Compressor Extreme Lab กลไกมีการปรับปรุงให้การกดแซฟไฟร์คริสตัลในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อเริ่ม หยุด และรีเซตโครโนกราฟเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังสามารถล็อกด้วยสไลด์ที่ด้านข้างของตัวเรือน เพื่อไม่ให้ช่วงเวลาเริ่มต้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือหยุดแล้ว

นอกจากรูปลักษณ์และฟังก์ชันข้างต้นที่กล่าวไป สำหรับซีรีส์นี้ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ว่าดีไซน์ที่พัฒนามาจนถึงซีรีส์ที่ 7 เรียกได้ว่าเป็นรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แบบที่สุดตั้งแต่ปี 2003 และนับเป็นเวลากว่า 8 ปีทั้งแต่ทั้งสองแบรนด์ร่วมมือกัน ในที่สุด Amvox 7 ก็ถูกวางจำหน่ายแบบไม่จำกัดจำนวนการผลิต
และนี่ก็คือความเป็นมาที่น่าสนใจของ Amvox ทุกซีรีส์ ว่าแต่ละรุ่นมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ความน่าสนใจอะไรที่ทำให้ครองใจนักสะสมนาฬิกามาอย่างยาวนานแม้จะหยุดผลิตไปแล้วก็ตาม จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะซีรีส์ไหนด้วยการผลิตที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้แต่ละรุ่นขึ้นชื่อว่าเป็น Limited Edition ที่หาได้ยาก สมกับการร่วมมือกันของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ของโลกระหว่าง Aston Martin และ Jaeger-LeCoultre

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องการสะสม Jaeger-LeCoultre Amvox ไว้ในครอบครอง Siam Watch Club มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เราพร้อมนำเสนอ Amvox และ JLC รุ่นอื่น ๆ พร้อมทั้งนาฬิกาแบรนด์หรูจากทั่วโลกให้คุณได้ยลโฉมได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ของเรา

บทความนาฬิกาอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Other Blogs

Royal Oak Selfwinding 34mm

Audemars Piguet Royal Oak รุ่นใหม่ 4 สี 4 สไตล์

ในปี 2024 นี้แบรนด์ต่างๆได้มีการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่กันมากมายและแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Audemars Piguet ก็เช่นเดียวกัน โดยวันนี้ Siam Watch Club จะขอนำนาฬิกาสวยๆจากคอลเลกชั่น Royal Oak ของปีนี้มาให้ทุกท่านได้ชมกัน 

Read More »
Panerai luminor due burgundy

Panerai Luminor Due PAM01424 เฉดสีแดงเบอร์กันดีเพิ่มเสน่ห์

Panerai Luminor Due PAM01424 รุ่นใหม่ของคอลเลกชั่น Luminor Due ที่มาพร้อมหน้าปัดสีแดงเบอร์กันดีอันโดดเด่นให้ความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและความหรูหรา

Read More »

วิเคราะห์คอลเลกชัน Jaeger-LeCoultre Amvox แต่ละรุ่นน่าสนใจอย่างไร

วิเคราะห์คอลเลกชัน Jaeger-LeCoultre Amvox

Share This Post

Subscribe To Our Newsletter

Get updates and learn from the best

More To Explore

Royal Oak Selfwinding 34mm
Articles

Audemars Piguet Royal Oak รุ่นใหม่ 4 สี 4 สไตล์

ในปี 2024 นี้แบรนด์ต่างๆได้มีการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่กันมากมายและแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Audemars Piguet ก็เช่นเดียวกัน โดยวันนี้ Siam Watch Club จะขอนำนาฬิกาสวยๆจากคอลเลกชั่น Royal Oak ของปีนี้มาให้ทุกท่านได้ชมกัน 

Do You Want To Boost Your Business?

drop us a line and keep in touch