เจาะลึก Seamaster Omega กว่าจะมาเป็น James Bond’s watch

25 เมษายน 2023

Seamaster omega นาฬิกาที่ทั่วโลกรู้จักกันในชื่อนาฬิกา James Bond วันนี้เราขอพาทุกท่านมารู้จักนาฬิกาเรือนนี้ไปอีกระดับ

Omega Seamaster อาจเป็นที่รู้จักอย่างเป็นวงกว้างและแผ่ขยายอย่างรวดเร็วที่สุดในฐานะ “นาฬิกาเจมส์ บอนด์”” แต่ประวัติของนาฬิกานั้นกลับต้องย้อนไปถึงปี 1948 เมื่อแบรนด์ Omega เปิดตัวนาฬิกาเรือนนี้ครั้งแรกเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี นาฬิการุ่นดังกล่าวนั้นได้รับความนิยมในทันทีและกลายเป็นสินค้าขายดีของแบรนด์มาตั้งแต่อดีต จวบจนยังคงเป็นนาฬิการุ่นเก่าที่สุดในคอลเล็กชันปัจจุบันของ Omega


Seamaster omega-jamesbond-apr2023-1
รูปลักษณ์ดั้งเดิมของ Omega Seamaster

ย้อนกลับไปในปี 1932 Omega ได้เปิดตัวนาฬิกา Marine ซึ่งสวมใส่โดย “บิดาแห่งการดำน้ำสมัยใหม่” อย่าง Yves Le Prieur ผู้ที่เป็นทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพเรือฝรั่งเศสและเป็นผู้ประดิษฐ์หน้ากากดำน้ำและถังดำน้ำอันทันสมัย ต่อมาในปี 1936 นักสำรวจอย่าง Charles William Beebe สวมนาฬิกา Omega Marine ขณะอยู่ในเรือดำน้ำทรงกลม (เรือดำน้ำไร้คนขับมีลักษณะคล้ายลูกตุ้มกลม ๆ จมลงสู่มหาสมุทรด้วยสายเคเบิล) ที่ความลึก 14 เมตรบริเวณชายฝั่งเบอร์มิวดา เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ Omega ในปี 1948 จึงเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างล้มหลามในด้านของการเป็นนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำที่ทนทาน ในขณะนั้น แบรนด์ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะเปิดตัว Seamaster Omega

Seamaster Omega เรือนแรกนั้นมีต้นแบบมาจากนาฬิกาข้อมือกันน้ำที่ผลิตและสวมใส่โดยกองทัพอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สิ่งที่ทำให้ Seamaster แตกต่างจากนาฬิกาดำน้ำรุ่นก่อนคือ O-ring ซึ่งช่วยในเรื่องของการกันน้ำ โดยก่อนหน้านี้นาฬิกากันน้ำนั้นมักจะใช้ Shellac เป็นตัวช่วย แต่ Shellac นั้นมีข้อเสียคือได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ง่ายดังเช่นนักประดาน้ำหลาย ๆ ท่านขณะดำดิ่งลงสู่มหาสมุทร ด้วยเหตุนี้ Omega จึงหันไปหาเรือดำน้ำที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมาเป็นแรงบันดาลใจและรวมชิ้นส่วนในการพัฒนาสำคัญ ๆ ไว้ในการออกแบบขั้นสุดท้ายจนก่อเกิดเป็น Seamaster Omega ซึ่งมีความสามารถในการรับแรงดันน้ำได้ที่ความลึกสูงสุดถึง 60 เมตร อีกทั้งยังทนต่ออุณหภูมิระหว่าง -40 ถึง 50 องศาเซลเซียส
ในขณะนั้น บรรดาวิศวกรของ Omega ล้วนมั่นใจในความทนทานของ Seamaster มากถึงขนาดที่พวกเขากล้าจะติดนาฬิกาเรือนหนึ่งไว้ที่ด้านนอกของเครื่องบินและบินข้ามขั้วโลกเหนือในปี 1956
Seamaster omega-jamesbond-apr2023-2
The Seamaster 300

เมื่อกาลเวลาเดินทางมาถึงปี 1957 ในขณะนั้นการดำน้ำลึกได้กลายเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมสมัยนั้น Omega จึงได้เปิดตัวนาฬิกา Master สามรุ่นได้แก่ Speedmaster, Railmaster และ Seamaster 300 ซึ่ง Seamaster 300 นั้นได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานใต้น้ำ แต่อย่างไรก็ตาม Seamaster 300 ก็สามารถดำดิ่งลงสู่น้ำได้ลึกถึงเพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่ง Omega อ้างว่าเป็นเพราะข้อจำกัดของอุปกรณ์ ไม่ใช่ข้อจำกัดของนาฬิกาแต่อย่างใด

เพื่อสานต่อประเพณีของ Omega ในฐานะนาฬิกายอดนิยมสำหรับนักดำน้ำ ทีมของ Jacques Cousteau นักสมุทรศาสตร์ชื่อดังได้สวมนาฬิกา Omega Seamaster 300 ระหว่างการทดลอง Conshelf II ในปี 1963 ณ ทะเลแดง (Red Sea) ในช่วงเวลาของการดำน้ำที่นานขึ้นเรื่อย ๆ Cousteau ตั้งเป้าหมายที่จะพิสูจน์ให้โลกเห็นว่ามนุษย์สามารถอาศัยและทำงานในทะเลได้เฉกเช่นดั่งบนพื้นดิน

นาฬิกาของ James Bond

ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 ความนิยมของ Seamaster Omega ได้ลดลงไปจนทำให้แบรนด์ต้องเร่งผลิตนาฬิการุ่นใหม่ ๆ ออกมา เช่น Omega Seamaster Professional ซึ่งนับว่าเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ Seamaster Omega แต่เรือนที่เรียกว่าได้รับประโยชน์สูงสุดคงหนีไม่พ้น Omega Seamaster 300 อันได้รับประโยชน์อย่างล้นหลามเมื่อได้รับเลือกให้เป็นนาฬิกาประจำกายของสายลับอย่าง James Bond แม้ว่า Ian Flemming ผู้ประพันธ์ James Bond นั้นจะใส่นาฬิกา Rolex ไว้ในนิยายของเขาและแม้แต่สวม Rolex ด้วยตัวเองแล้วก็ตาม แต่ Omega ก็ผลัก Rolex ออกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายสังเกตว่า Omega มีความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์กับกองทัพเรืออังกฤษมากกว่า Rolex รวมถึงในด้านของความเป็น James Bond นาฬิกา Seamaster Omega ก็ดูเข้ากันกับบทบาทมากกว่าแบรนด์อื่น ๆ

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ James Bond ของ Pierce Brosnan สวมใส่ Omega Quartz Seamaster Professional 300 ในภาพยนตร์เรื่อง James Bond: Golden Eye เมื่อปี 1995 และสำหรับภาพยนตร์ James Bond สามเรื่องถัดไป Brosnan ก็ยังคงสวม Omega Seamaster 300 Automatic Chronometer ในภาค Tomorrow Never Dies (1997), The World is Not Enough ( 2542) และ Die Another Day (2545)
Seamaster omega-jamesbond-apr2023-3
เมื่อนักแสดง Daniel Craig ได้รับเลือกให้เป็น James Bond คนต่อไปในภาค Casino Royale ในปี 2549 เขาสวม Omega Seamaster 300 และ Omega Seamaster Planet Ocean สำหรับฉากต่อสู้สุดดุเดือด นอกจากนั้นแล้ว Daniel Craig ยังใส่นาฬิกา Seamaster Planet Ocean อีกครั้งใน James Bond Quantum of Solace (2008) และ Seamaster ก็ยังคงถูกเลือกให้อยู่บนข้อมือของสายลับซ้ำแล้วซ้ำเล่าใน James Bond Skyfall (2012) และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับภาพยนตร์ James Bond ครั้งที่ 24 รวมถึงเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นความสัมพันธ์อันยาวนานกว่า 20 ปี ระหว่าง Omega และภาพยนตร์เรื่องนี้ Omega จึงเปิดตัวนาฬิกา Seamaster Omega 300 Spectre รุ่นพิเศษที่ดัดแปลงมาจากนาฬิกา James Bond Seamaster รุ่นเดิมอีกด้วย

London Olympics ในปี 2012

เมื่อปี 1948 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการเปิดตัว Omega Seamaster ในขณะนั้น Omega ได้รับหน้าที่เป็นผู้รักษาเวลาอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ลอนดอน และเมื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกวกกลับมาที่ลอนดอนอีกครั้งในปี 2012 Omega ก็ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษอย่าง Omega Seamaster 1948 Co-Axial London 2012 โดยแบรนด์ตัดสินใจผลิตนาฬิการุ่นนี้เพียง 1,948 เรือนเท่านั้น โดยหน้าปัดของนาฬิการุ่นพิเศษนี้มีความคล้ายคลึงกับ Seamaster รุ่นคลาสสิก ด้านหลังของตัวเรือนเป็น Yellow Gold ประทับด้วยโลโก้ London Olympics 2012
Seamaster omega-jamesbond-apr2023-4
Omega Seamaster 300 รุ่น Limited ครบรอบ 60 ปี

ในปี 2017 Omega ได้เปิดตัว Omega Seamaster รุ่น Limited เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปีของแบรนด์ การเปิดตัวครั้งนี้ยังแสดงถึงความเคารพต่อนาฬิกา Seamaster ดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1957 โดย Seamaster Omega รุ่นนี้มีลักษณะเหมือนกันกับต้นฉบับแทบทุกประการโดยมีการปรับปรุงวัสดุทุกอย่างด้วยความประณีตและละเอียดจนแทบมองไม่เห็นความต่าง ดังเช่น marker ที่ผลิตจาก Super Luminova แทนเรเดียมและมีการใช้อะลูมิเนียมที่ทนทานกว่าเป็นวัสดุในการทำกรอบแบบสองทิศทางแทนที่การใช้อะคริลิกแบบดั้งเดิม นาฬิกาทำงานด้วยระบบ Automatic ภายใต้ Caliber 8806 แทนที่ Caliber 501 ในรุ่นต้นแบบ และด้วยความใส่ใจในรายละเอียด Omega จึงทำให้หน้าปัดให้มีผิวสัมผัสแบบ faux-tropical เพื่อให้ได้ลุควินเทจที่สมบูรณ์แบบ

และด้วยเรื่องราวอันแสนน่าประทับใจและดีไซน์อันโดดเด่น Seamaster Omega จึงสามารถจับจองพื้นที่ในใจใครหลาย ๆ คนได้ไม่ยากไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม

มองหานาฬิกา Omega มือสอง ของแท้ ราคาดี? ติดต่อเรา Siam Watch Club ร้านนาฬิกาแบรนด์แท้ มือสองอันดับ 1 ดูแลคุณจากกูรูนาฬิกาตัวจริง

REFERENCE
truefacet

บทความนาฬิกาอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Other Blogs

Bvlgari Bvlgari gold 38m

Bvlgari Bvlgari Gold 18K นาฬิกาไอคอนยุค 80 กลับมาอีกครั้ง

นาฬิกา Bvlgari Bvlgari Gold กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง! ด้วยแรงบันดาลใจการออกแบบจากเหรียญโรมันไปจนถึงการเป็นนาฬิกาที่จอร์จ ไมเคิล นักร้องชื่อดังยุค 80 สวมใส่ นาฬิการุ่นนี้กลับมาพร้อมโลดแล่นบนเส้นทางแห่งเวลาอีกครั้ง

Read More »
Perpetual1908 iceblue

Rolex Perpetual 1908 Platinum Ice Blue รุ่นใหม่ หรูหราคลาสสิกผสานความทันสมัย

นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจาก Rolex Perpetual 1908 Ice Blue ตัวเรือนแพลทินัมมาพร้อมกับหน้าปัด Guilloché สีฟ้าอ่อนสร้างความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

Read More »
omega speedmaster chronoscope olympic

Omega นับถอยหลังสู่ Olympics Paris 2024 ด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ

Omega นับถอยหลัง 100 วันสู่การแข่งขันกีฬา Olympics 2024 ที่กรุงปารีส ด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ 2 รุ่นเพื่อฉลองโอกาสครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ซึ่งทาง Siam Watch Club จะขอพาทุกท่านไปชมนาฬิกาทั้งสองรุ่นนี้กัน

Read More »

เจาะลึก Seamaster Omega กว่าจะมาเป็น James Bond’s watch

Seamaster omega-jamesbond-apr2023-0

Share This Post

Subscribe To Our Newsletter

Get updates and learn from the best

More To Explore

Bvlgari Bvlgari gold 38m
บทความ

Bvlgari Bvlgari Gold 18K นาฬิกาไอคอนยุค 80 กลับมาอีกครั้ง

นาฬิกา Bvlgari Bvlgari Gold กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง! ด้วยแรงบันดาลใจการออกแบบจากเหรียญโรมันไปจนถึงการเป็นนาฬิกาที่จอร์จ ไมเคิล นักร้องชื่อดังยุค 80 สวมใส่ นาฬิการุ่นนี้กลับมาพร้อมโลดแล่นบนเส้นทางแห่งเวลาอีกครั้ง

Perpetual1908 iceblue
บทความ

Rolex Perpetual 1908 Platinum Ice Blue รุ่นใหม่ หรูหราคลาสสิกผสานความทันสมัย

นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจาก Rolex Perpetual 1908 Ice Blue ตัวเรือนแพลทินัมมาพร้อมกับหน้าปัด Guilloché สีฟ้าอ่อนสร้างความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

Do You Want To Boost Your Business?

drop us a line and keep in touch