การกลับมาของ Jaeger-LeCoultre Reverso รุ่นใหม่ คำบอกเล่าที่ไม่ได้บันทึกในประวัติศาสตร์

19 มีนาคม 2024

ปัจจุบันแม้ Jaeger-LeCoultre เพิ่งฉลองครบรอบ 90 ปีของนาฬิกา Reverso และจัดนิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับนาฬิกาพลิกหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์นี้ที่นิวยอร์กเมื่อปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนอาจไม่ทราบถึงเรื่องราวของ “Corvo Reverso” นาฬิกา Reverso รุ่นพิเศษที่จุดประกายการกลับมาของนาฬิกา Reverso อีกครั้ง

Jaeger-LeCoultre หยุดผลิตนาฬิกา Reverso ตั้งแต่ช่วงปี 1940 จนถึงต้นทศวรรษ 1970 ปัจจุบันแม้ Jaeger-LeCoultre เพิ่งฉลองครบรอบ 90 ปีของนาฬิกา Reverso และจัดนิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับนาฬิกาพลิกหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์นี้ที่นิวยอร์กเมื่อปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนอาจไม่ทราบถึงเรื่องราวของ “Corvo Reverso” นาฬิกา Reverso รุ่นพิเศษที่จุดประกายการกลับมาของนาฬิกา Reverso อีกครั้ง บทความนี้ Siam Watch Club จะพาทุกท่านย้อนกลับไปในอดีตเพื่อเรียนรู้เรื่องราวที่ (เกือบจะ) ถูกลืมเลือนของนาฬิกา Corvo Reverso

บทบาทของตระกูล Corvo

บทบาทสำคัญของตระกูล Corvo ในการฟื้นคืนกลับมาของนาฬิกา Reverso เรื่องราวนี้ถูกเก็บเงียบมาเป็นเวลานานจนกระทั่งปี 2021 เว็บไซต์ Watch Insanity ของอิตาลีได้ลงบทสัมภาษณ์ของ มิเคล คอร์โว ลูกชายของ จิออร์จิโอ คอร์โว

นาฬิกา Reverso หยุดผลิตตั้งแต่ช่วงปี 1940 จนถึงทศวรรษ 1970 จนในปี 1972 จิออร์จิโอ คอร์โว (Giorgio Corvo) ตัวแทนจำหน่ายของ Jaeger-LeCoultre ในประเทศอิตาลี ในเวลานั้นเขาได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตที่เมืองเลอ ซองติเยร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และที่นั่นเขาได้ไปพบตัวเรือนของนาฬิกา Reverso ที่ทำจากเหล็กกล้าไร้สนิม Staybrite ประมาณ 200 ชิ้นที่ถูกลืมไปตั้งแต่ Jaeger-LeCoultre หยุดสายการผลิตในปี 1948

จิออร์จิโอ คอร์โวมีความคิดที่จะให้ Jaeger-LeCoultre นำตัวเรือน Reverso เหล่านี้ไปผลิตนาฬิกาขึ้นมาใหม่ ในสมัยนั้นเป็นเรื่องปกติมากที่ผู้จัดจำหน่ายจะขอให้ผู้ผลิตสร้างสินค้าที่ตนต้องการ อย่างเช่นนาฬิการุ่น Royal Oak ซึ่งเป็นคำขอจากผู้จัดจำหน่าย Audemars Piguet ในอิตาลีน่าจะเป็นตัวอย่างที่โด่งดังที่สุด

แต่เวลานั้นคือปี 1972 ช่วงกลางวิกฤตการณ์นาฬิกาควอตซ์ แบรนด์นาฬิกาสวิสทยอยปิดตัวลงไป ทุกคนต่างหันไปซื้อนาฬิกาควอตซ์ของ Seiko โดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่สองนาฬิกาหน้าปัดสี่เหลี่ยมอย่าง Reverso เริ่มได้รับความนิยมน้อยลง ผู้คนหันไปนิยมนาฬิกาแบบอื่นแทน ทำให้ Jaeger-LeCoultre หยุดผลิตนาฬิการุ่นนี้ลงในช่วงปลายทศวรรษ 1940 แต่เมื่อจิออร์จิโอ คอร์โวพบตัวเรือนนาฬิกาเก่า เขาพยายามผลักดันให้ Jaeger-LeCoultre นำนาฬิกา Reverso กลับมาผลิตอีกครั้ง เพื่อนำไปจำหน่ายในอิตาลี อย่างไรก็ตาม Jaeger-LeCoultre ลังเลเนื่องจากตระหนักดีถึงความยากลำบากในการผลิตตัวเรือนแบบพลิกได้ของนาฬิกา Reverso

แมทธิว โซเรต์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และฝ่ายมรดกของ Jaeger-LeCoultre อธิบายว่า จิออร์จิโอ คอร์โวได้นำตัวเรือนนาฬิกาหนึ่งหรือสองเรือนกลับไปอิตาลี ที่นั่นเขามีช่างซ่อมนาฬิกาและช่างเทคนิคสำหรับบริการหลังการขาย ดังนั้นเขาจึงมอบหมายงานให้ช่างเหล่านั้นทำ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ช่างนาฬิกาเหล่านี้ได้ประดิษฐ์ตัวยึดเครื่องนาฬิกาเพื่อใส่กลไก JLC คาลิเบอร์ 840 ซึ่งเป็นกลไกทรงรีขนาดเล็กไว้ในตัวเรือน Reverso จากนั้น จิออร์จิโอ คอร์โวก็ได้นำต้นแบบที่ประดิษฐ์ขึ้นนี้กลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง

ในที่สุด Jaeger-LeCoultre ตกลงที่จะผลิตนาฬิการุ่นใหม่นี้ตามที่จิออร์จิโอ คอร์โวต้องการ นอกจากนี้พวกเขายังออกแบบหน้าปัดใหม่สำหรับนาฬิกา Corvo Reverso รุ่นนี้เป็นหน้าปัดสีขาวและสีเทาที่สวยงาม พร้อมลงลาย Jaeger-LeCoultre กับตัวเลขโรมัน โดยผลิตสีละ 100 เรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขโรมันทำให้หน้าปัดสีเทาแตกต่างจาก Reverso รุ่นอื่นๆ

จาโคโป คอร์โวหลานชายของ จิออร์จิโอ คอร์โว กล่าวว่า พวกเขาสามารถจำหน่ายนาฬิกา Corvo Reverso ทั้ง 200 เรือนนี้ได้ภายในเวลาไม่ถึงสามเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ที่พวกเขาขายนาฬิกา Jaeger-LeCoultre เพียงประมาณ 200 เรือนต่อปีเท่านั้น แถมยังมีคนเล่ากันว่าบุคคลสำคัญระดับ VIP ของมิลานหลายคนได้ซื้อนาฬิกา Corvo Reverso รวมถึง Gianni Versace และ Gianni Agnelli (แม้จะไม่มีการยืนยันเรื่องเหล่านี้ก็ตาม)

หลังจากความสำเร็จของนาฬิการุ่น Corvo Reverso ทาง Jaeger-LeCoultre ก็ได้เริ่มภารกิจในการเปิดตัวนาฬิกา Reverso อีกครั้งทั่วโลก Jeager-LeCoultre ได้มุ่งมั่นพัฒนาตัวเรือนนาฬิกา Reverso รุ่นใหม่ ซึ่งมีความซับซ้อนกว่ารุ่นดั้งเดิม และยังสามารถกันน้ำได้อีกด้วย ความเฟื่องฟูที่แท้จริงของ Reverso เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 ด้วยการเปิดตัวนาฬิกา Reverso “Grande Taille” ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

ทศวรรษ 1990 กลายเป็นยุคทองของ Reverso เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของ Reverso ในปี 1991 Jaeger-LeCoultre ได้เพิ่มกลไกที่ซับซ้อนให้กับ Reverso เป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากนาฬิการุ่น 60ème ซึ่งเป็น Grande Taille Reverso ที่มีตัวแสดงพลังงานสำรองและวันที่ พร้อมกับกลไกนาฬิกาที่ทำจากทองคำ

ตลอดช่วงทศวรรษที่เหลือ Jaeger-LeCoultre (JLC) ได้ผลิต Reverso รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นจำนวน 6 รุ่น โดยมีกลไกความซับซ้อนดั้งเดิมทั้งหมดหกแบบ ประกอบด้วย พลังงานสำรอง, Tourbillon, Minute Repeater, Chronograph (ซึ่งรุ่น Heritage Reverso Chronograph เมื่อปีที่แล้วก็ยึดตามกลไกนี้), Geographique และปฏิทินถาวร โดยลิมิเต็ดเพียงรุ่นละ 500 เรือน Reverso ที่มีความซับซ้อนกลายเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะในอิตาลี

อิตาลีนั้นเป็นตลาดแรกของโลกสำหรับนาฬิกาหลายๆแบรนด์ และตลาดอิตาลีนี้เองที่ได้ช่วยให้หลายแบรนด์กลายเป็นนาฬิกาที่โด่งดังอย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากตลาดอิตาลีเป็นตลาดที่มีความเติบโตเต็มที่ ผู้คนเริ่มสะสมนาฬิกาที่นี่ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1940 และ 1950 และไม่ได้สะสมเพื่อบอกเวลาเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของแฟชั่นด้วย พวกเขาเป็นรุ่นบุกเบิกของนักสะสมนาฬิกาในปัจจุบัน

นาฬิกา Corvo Reverso ในปัจจุบัน

ไม่นานหลังจากที่เว็บไซด์ Watch Insanity ของอิตาลีได้ลงบทความที่บอกเล่าเรื่องราวของจิออร์จิโอ คอร์โวกับนาฬิกา Corvo Reverso บริษัท Richemont ได้เข้าซื้อกิจการของ Jaeger-LeCoultre และตระกูล Corvo ก็ยุติบทบาทการเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ Jaeger-LeCoultre ในอิตาลีลง

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานาฬิการุ่นนี้ถูกประกาศขายโดยไม่มีการกล่าวถึงตระกูล Corvo หรือบทบาทที่ทำให้นาฬิกา Reverso กลับมาผลิตอีกครั้ง เป็นการยากที่จะบอกว่านาฬิกา Corvo Reverso นั้นมีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ แต่เรื่องราวของโมเดลนี้แทบจะไม่มีผู้ใดได้เล่าขาน มีคนจำนวนมากไม่รู้จักนาฬิกาเรือนนี้ และไม่ทราบว่ามันมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของ Jaeger-LeCoultre มากเพียงใด แน่นอนว่า JLC ได้สร้าง Reverso ที่น่าประทับใจและซับซ้อนยิ่งขึ้นหลังจาก Reverso Corvo ในช่วงทศวรรษ 80 และ 90 แต่ Corvo คือรุ่นที่นำ Reverso ฟื้นคืนกลับมาและถูกผลิตเพียง 200 เรือนเท่านั้น

เรื่องราวของนาฬิกา Corvo Reverso และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของมันนี่แหละที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่น่าสนใจที่สุดของ Jaeger-LeCoultre ที่เคยผลิตมา แม้ว่าทางแบรนด์เองจะเคยไม่เชื่อมั่นในแนวคิดนี้ก็ตาม คุณสามารถเข้าชมนาฬิกาคอลเล็กชั่น Jaeger-LeCoultre ของร้านเรา Siam Watch Club ร้านนาฬิกาแบรนด์แท้มือสองอันดับ 1 ที่พร้อมดูแลคุณทั้งการซื้อ ขาย ส่งต่อแบรนด์หรูมือสองจากกูรูนาฬิกาตัวจริง

อ้างอิง
https://www.hodinkee.com/articles/the-reverso-that-revived-the-jaeger-lecoultre-reverso

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

บทความนาฬิกาอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Other Blogs

ลงทุน นาฬิกาทองคำ ดีกว่า นาฬิกาแสตนเลส ยังไง

ทำไมลงทุนกับนาฬิกาทองจึงคุ้มค่ากว่านาฬิกาสแตนเลส

นาฬิกาทองไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับบอกเวลาที่หรูหรา แต่ยังมีมูลค่าที่แท้จริงแฝงอยู่ด้วย

29 พฤษภาคม 2024 ไม่มีความเห็น

ดำดิ่งสู่โลกใต้ท้องทะเลไปกับ Panerai Submersible

Panerai Submersible คู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกการผจญภัยใต้น้ำ ด้วยดีไซน์ที่ทนทาน วัสดุชั้นยอด และคุณสมบัติกันน้ำระดับสูง

25 พฤษภาคม 2024 ไม่มีความเห็น

นาฬิกาทอง: ส่วนผสมและปัจจัยที่มีผลต่อราคา

นาฬิกาทองเปรียบเสมือนสุดยอดเครื่องประดับอันบ่งบอกถึงรสนิยมและฐานะ แต่ท่ามกลางความงดงามและความหรูหรา ปัจจัยใดบ้างที่กำหนดราคาของนาฬิกาเหล่านี้ วันนี้ Siam Watch Club ขอพาทุกท่านไปร่วมค้นหาคำตอบกัน

22 พฤษภาคม 2024 ไม่มีความเห็น

การกลับมาของ Jaeger-LeCoultre Reverso รุ่นใหม่ คำบอกเล่าที่ไม่ได้บันทึกในประวัติศาสตร์

Jaeger-LeCoultre หยุดผลิตนาฬิกา Reverso ตั้งแต่ช่วงปี 1940 จนถึงต้นทศวรรษ 1970 ปัจจุบันแม้ Jaeger-LeCoultre เพิ่งฉลองครบรอบ 90 ปีของนาฬิกา Reverso และจัดนิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับนาฬิกาพลิกหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์นี้ที่นิวยอร์กเมื่อปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนอาจไม่ทราบถึงเรื่องราวของ "Corvo Reverso" นาฬิกา Reverso รุ่นพิเศษที่จุดประกายการกลับมาของนาฬิกา Reverso อีกครั้ง

Share This Post

Subscribe To Our Newsletter

Get updates and learn from the best

More To Explore

คลังความรู้นาฬิกา

ทำไมลงทุนกับนาฬิกาทองจึงคุ้มค่ากว่านาฬิกาสแตนเลส

Tom 29 พฤษภาคม 2024

บทความ

ดำดิ่งสู่โลกใต้ท้องทะเลไปกับ Panerai Submersible

Tom 25 พฤษภาคม 2024

แบรนด์นาฬิกา (A-C)

แบรนด์นาฬิกา (D-H)

แบรนด์นาฬิกา (I-P)

แบรนด์นาฬิกา (R-Z)